วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561

สอบปฎิบัติ final


10 เทคนิคเรียน ให้เป็นคนเรียนเก่ง
1. คนเรียนเก่ง แบ่งเวลาเป็น
2. ทบทวนล่วงหน้า-หลังเรียน เข้าหัวไม่ต้องจำ
3.มีสมาธิในเวลาเรียน

4. จับประเด็นให้ได้
5. อ่านเนื้อหาคร่าวๆก่อนเรียน
6. อย่าสักแต่ว่าจด  
7. สอนเพื่อนๆในเรื่องที่เข้าใจ
8. คนเรียนเก่ง ติวเป็นกลุ่มกับเพื่อน ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ
9. มั่นใจในตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งเรียนยังไงก็ไม่ได้
10. คนเรียนเก่ง ดูแลตัวเอง กินให้พอ นอนให้พอ
คุณสมบัติการเป็นหมอ


1. ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) 
หมอเป็นอาชีพที่ต้องเผชิญกับความเจ็บป่วย ความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ไม่ว่าจะต่อผู้ป่วย ต่อคนในครอบครัว ต่อสัตว์เลี้ยง และต่อบุคคลอันเป็นที่รัก    
2. แรงบันดาลใจ (Motivation) เด็กต้องให้เหตุผลของการอยากเรียนหมอ แสดงออกถึงความสนใจที่มาจากตนเอง รวมถึงเป้าหมายและแรงบันดาลใจในการเลือกเรียนสาขานี้ 
3. การสื่อสาร (Communication)ความสามารถทางการสื่อสาร การใช้ภาษาได้ถูกต้องและเหมาะสม การอธิบายที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย รวมทั้งความสามารถในการรับฟัง
4. ความซื่อสัตย์ จริงใจ (Honesty and Integrity) การมีศีลธรรมและความจริงใจต่อตนเองและผู้อื่นเป็นอีกส่วนที่สำคัญในการทำงานในทุกอาชีพ 
5. การรู้จักตนเอง (Personal Insight)   เข้าใจตนเองและรับมือกับความเครียด รู้จักจัดสรรเวลา ตั้งเป้าหมาย มีความรับผิดชอบ ยืดหยุ่นในบางสถานการณ์ และควบคุมอารมณ์จากความกดดันและปัญหาต่างๆ ได้
6. การทำงานร่วมกัน (Team Work) การทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำงานเป็นทีม และการจ่ายงานให้เพื่อนร่วมทีมก็สำคัญพอๆ กัน
7. การคิดแก้ปัญหา (Problem Solving) การคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา รวมถึงความสามรถในการตัดสินใจ การวินิจฉัยโรคต่างๆ 
8. การยึดหลักจริยธรรม (Ethical Awareness)จริยธรรมเกี่ยวข้องกับการทำงานของทุกคน ในส่วนของการเป็นหมอ จริยธรรมคือ การดำเนินงานรักษาโรค 
9. ความกระหายรู้ (Intellectual Curiosity)สนใจขวนขวาย ไม่หยุดที่จะหาความรู้ ติดตามข่าวสารวงการแพทย์และงานวิจัยใหม่ๆ และพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ 
เส้นทางการเป็นหมอ
การสอบเข้าเรียนคณะแพทยศาสตร์ มี หลายทาง เช่น โครงการรับส่วนกลางอย่าง กสพท และ มหาวิทยาลัยรับเอง โดย กสพท จะอยู่ในระบบ TCAS รอบ 3 หรือ รอบรับตรง ส่วนรอบมหาลัยรับเองจะอยู่ในรอบ ที่ 1 2 และ 5

พอเราสอบติด ในชั้นปีที่ 1 เนื้อหาการเรียนที่เราจะเจอคือเนื้อหาช่วงมัธยมปลาย แต่จะเหมือนนำเนื้อหาตอน ม.4-6 มารวบยอดอัดแน่นในปีเดียว แถมยังยากกว่าอีก

พอขึ้นปี 2 เราจะได้เรียนเนื้อหาที่เกี่ยวกับเเพทย์จริงๆ อย่าง กายวิภาคศาสตร์ ที่ต้องเจอกับอาจารย์ใหญ่ เพื่อจะได้เรียนรู้ระบบต่างๆของร่างกาย เราจะได้เจอของจริงกันเลยยย ไม่ได้เห็นแค่ในรูปแล้ว การสอบที่เราต้องพบคือการสอบแล็บกริ๊ง ที่จะเป็นฐานหรือสถานี พอมีเสียงกริ๊งดังขึ้นก็ต้องลุกไปยังฐานต่อไป โอโห้ว บางครั้งก็ทำไม่ทันนะ


หลังจากปี 2 เราเรียนเรื่องระบบต่างๆ ของร่างภายซึ่งจะเน้นในภาวะปกติ แต่พอปี 3 จะเรียนในภาวะไม่ปกติ นั้นก็คือ เรียนเกี่ยวกับภาวะที่เกิดโรคนั่นเอง น้องๆจะได้รู้ว่าโรคนั้นเกิดได้จากอะไร

ขึ้นปี 4 แล้วกันเเล้ว เราจะต้องขึ้นหอผู้ป่วยของจริงในโรงพยาบาล โดยหอผู้ป่วยหลักมี 4 หอ เรียกกันติดปากว่า สู ศัลย์ Med เด็ก "สู" เริ่มที่หอผู้ป่วยสูตินรีเวชวิทยา เรียนเกี่ยวกับระบบอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง และ การดูแลผู้ป่วยทั้งที่อยู่ในระยะตั้งครรภ์และไม่ได้ตั้งครรภ์  "ศัลย์" ก็คือ ศัลยกรรม หรือ ศัลยศาสตร์ หมายถึงการรักษาด้วยการผ่าตัด ทั้งผ่าตัดเล็กๆ ตั้งแต่หูด ฝี หนอง ไปจนถึงผ่าตัดใหญ่ เช่น ผ่าตัดหัวใจ ผ่าตัดปอด "Med" มาจาก Medicine หรือ อายุรกรรม หมายถึง การรักษาที่เน้นการใช้ยา มักเป็นหอผู้ป่วยที่มีคนไข้เยอะมากที่สุด"เด็ก" ก็คือหอผู้ป่วยเด็ก หรือ กุมารเวชกรม ใครรักเด็กรับรองว่าสนุกสุดๆ 5555แน่นอนว่าเรียนมาถึงขั้นนี้ จะมานั่งสอบกากบาทไม่ได้หรอก การสอบที่ขึ้นชื่อการสอบ OSCE (ออสกี้) คือการลงมือปฏิบัติเสมือนจริงนั่นเอง หน้าที่ประจำวันที่ต้องเจอแน่ๆ คือ ต้องไปถึงโรงพยาบาลตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น เพื่อเตรียมตัว "ราวนด์" บนวอร์ดผู้ป่วยที่เราจะต้องวนสลับไปเรื่อยๆ ตลอดปี นั่นคือการไปตรวจดูอาการของผู้ป่วย ไม่ต้องกลัวว่าเค้าจะให้เราตรวจคนเดียว เพราะจะมีทั้งอาจารย์หมอ พยาบาล และรุ่นพี่คอยเป็นคนนำทางจ้า

มาถึงปี 5 กันเเล้ว ภาพรวมจะคล้ายๆ ปี4 แต่จะมีความชำนาญมากขึ้น ทำอะไรได้คล่องแคล่วมากขึ้นต้องเจอกับหอผู้ป่วยย่อย ที่ต้องวนไปมาหอละประมาณ 1 เดือน มาดูกันเถอะ มีหออะไรกันบ้างเริ่มที่ "จิตเวชศาสตร์" หรือ ภาวะความผิดปกติทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า อารมณ์สองขั้ว หน้าที่หลักๆ คือเข้าไปอยู่ในห้องตรวจกับอาจารย์หมอที่ตรวจผู้ป่วย คอยสังเกตวิธีการพูดคุยหรือซักอาการ "นิติเวชศาสตร์" เรามักคุ้นเคยว่าคือการผ่าศพ แต่จริงๆ 

1 ความคิดเห็น:

python 1.ประวัติ           Python คือชื่อภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่ง ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาโดยไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์ม กล่าวคือสา...